โซลูชันโครงข่ายอัจฉริยะ: แนวปฏิบัติเพื่อเอาชนะความท้าทายด้านข้อมูล

การรักษาโครงข่ายไฟฟ้าของคุณให้เสถียรเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยรูปแบบการใช้พลังงานที่เปลี่ยนไปอย่างมากในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้าจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงภาวะไฟฟ้าดับ

การบริหารจัดการความผิดพลาดคือกุญแจสำคัญในที่นี้ เนื่องจากจะช่วยให้คุณสามารถค้นหา แยก และกำจัดข้อผิดพลาดในขณะสับเปลี่ยนเส้นทางพลังงานเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อผู้ใช้จำนวนมากเท่าที่จะทำได้

อ่านเอกสารกรณีการใช้งานเพื่อค้นพบวิธีที่คุณสามารถทำให้การดำเนินงานมีความต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้นโดยใช้กระบวนการ FLISR ขั้นสูงที่ล้ำสมัย โดยช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการฟื้นฟูระบบและลดผลกระทบจากภาวะไฟฟ้าดับ

การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัยคือแนวคิดเชิงกลยุทธ์สำหรับบริษัทไฟฟ้าจำนวนมาก และปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากคือการปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงข่ายไฟฟ้า

ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพหลักสำหรับประสิทธิภาพของโครงข่ายไฟฟ้าในการจ่ายไฟฟ้าคือปริมาณการสูญเสีย การสูญเสียทางเทคนิคเกิดจากการกระจายพลังงานในตัวนำไฟฟ้า อุปกรณ์ที่ใช้ในการส่ง ระบบส่งไฟฟ้าย่อยและเส้นทางการกระจาย และการสูญเสียทางแม่เหล็กในหม้อแปลงไฟฟ้า

การสูญเสียทางเทคนิคขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของโครงข่ายและโหมดการดำเนินงาน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การจ่ายพลังงาน > 20% คือการจ่ายให้ผู้ใช้

ระบบจ่ายไฟฟ้าจะต้องได้รับการออกแบบ ดำเนินงาน และบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อลดารสูญเสียเหล่านี้ เรียนรู้เพิ่มเติมในเอกสารกรณีการใช้งาน

ผลกระทบของการเชื่อมต่อ DER กับโครงข่ายการจ่ายไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป

ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้าทราบดีว่า ทุกครั้งที่การผลิต DER ป้อนไฟฟ้าเข้าสู่ในโครงข่ายจะทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าที่จุดเชื่อมต่อ อัตราการกระจาย DER สูง อาจทำให้แรงดันไฟฟ้าทั่วทั้งโครงข่ายเพิ่มขึ้น และอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้อย่างรวดเร็วหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม

การกระจาย DER ที่สูงยังอาจทำให้เกิดการไหลของกำลังไฟฟ้าย้อนกลับในขณะที่โดยปกติแล้วโครงข่ายไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทำงานในสภาวะดังกล่าว แผนการป้องกันอาจไม่เพียงพอ ความไม่สมดุลระหว่างเฟสต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ หากมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระจัดกระจายหลายตัวในระบบโครงข่าย

ค้นพบวิธีการจัดการกับปัญหาทางเทคนิคของผลกระทบ DER ในเอกสารกรณีการใช้งาน